- 그리드 매매법에 대한 경험과 생각 정리
- 안녕하세요? 그리드 매매법은 코인 거래에서 개념이 왔습니다. 그리드의 뜻은 격자무늬인데 코인 거래 시 특정 구간을 격자로 구분해서 거래하는 모습이 이와 유사해서 붙어진 매매법입니다. 이 그리드 매매법이 코인 거래소에서는 제공되는데 주식 거래에서는 제공되지 않기에 각자 개인 성향에 맞춰 조금식 변형해서 사용하는 것 같습니다. 사고 파는 단가를 미리 정해놓기에 그림으로 보면 대충 이해가 되긴 하는데 단점을 부각하여 설명하기에는 적합하지 않은 것 같습니다. 그래서 제가 생각하는 단점을 묘사하기 위한 그리드법은 이렇습니다. (그림이 이상한 점 양해 부탁 드립니다. 😂) 용어 정리 바다 : 미국 주식시장 - 자금이 더 많이 들어오면 깊어지고 빠져나가면 얕아집니다. 물고기 : 쏙쓰리 (SOXL) - 내 마음도 몰라..
สวัสดีครับ? โปรแกรมที่หยุดทำงานตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2565 กลับมาทำงานได้อีกครั้งเมื่อวานนี้แล้วครับ 👏👏👏
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานและรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ก็คิดว่าสถานการณ์ที่หยุดทำงานอาจเกิดขึ้นได้อีกครั้ง ดังนั้นก็เลยรู้สึกเฉยๆ ไปเลยครับ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกลับมาทำงานได้แล้วและสร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ ได้ จึงมีความหวังเล็กๆ ว่าอาจจะมี Santa Rally (ซานตาแรลลี่) เกิดขึ้น ก็เลยขอเขียนโพสต์นี้เพื่อบันทึกช่วงเวลานี้เอาไว้ครับ
ราคาหุ้นขึ้นลงแค่นั้นเอง ทำไมมันถึงซับซ้อนขนาดนี้?!
วันนี้ผมอยากจะมาพูดถึงเรื่องการสูญเสียจากความผันผวน (volatility decay) ครับ ซึ่งหมายถึงการสูญเสียที่เกิดจากความผันผวน คำว่า 'สูญเสีย' นั้นฟังดูเป็นลบมากเลยนะครับ ผมได้รู้จักกับคำว่า 'การสูญเสียจากความผันผวน' ในตอนที่ลงทุนแบบใช้เลเวอเรจครับ หมายถึงการขาดทุนที่เกิดจากการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์อ้างอิง (1 เท่า) ที่ใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการลงทุนแบบเลเวอเรจครับ ดังนั้นคำว่า 'การสูญเสียจากความผันผวน' จึงไม่ค่อยถูกนำมาใช้กับการลงทุนแบบ 1 เท่าเท่าไหร่ เพราะสำหรับการลงทุนแบบ 1 เท่าแล้ว ความผันผวนก็เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่สำหรับการลงทุนแบบเลเวอเรจ 2-3 เท่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงนั้นจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการสูญเสีย ดังนั้นผู้ที่ต่อต้านการลงทุนแบบเลเวอเรจจึงมักจะยกตัวอย่างเรื่องการสูญเสียจากความผันผวนขึ้นมาเพื่ออ้างว่าไม่ควรลงทุนแบบนี้เด็ดขาด
สรุปง่ายๆ ก็คือ ถ้าถือหุ้นไว้นานๆ แค่ราคาขึ้นๆ ลงๆ ก็ขาดทุนแล้ว และถ้าใช้เลเวอเรจ 23 เท่า ก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้นไปอีก ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้การลงทุนแบบ 1 เท่าจะขาดทุนอยู่แล้ว แต่การลงทุนแบบ 23 เท่ายิ่งขาดทุนมากกว่า จึงไม่แปลกที่หลายคนจะแนะนำให้เลี่ยงการลงทุนแบบนี้ ผมเองก็เห็นด้วย 100% ครับ หากราคาหุ้นของบริษัทที่ลงทุนอยู่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งนับว่าเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ใต้จุดสูงสุดเดิม และมีความเป็นไปได้สูงที่จะขาดทุน
นี่คือคำถามที่ผมอยากหาคำตอบครับ
- งั้นผมควรลงทุนในกองทุนแบบ 1 เท่าดีไหม?!
- ถ้าลงทุนแบบเลเวอเรจไม่ได้ แล้วทำไมถึงมีผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบนี้ขายล่ะ?! มันเป็นกับดักหรือเปล่า?! ตั้งใจจะหลอกผมหรือเปล่า?!
- เดี๋ยวนี้มีกองทุนแบบ 5 เท่าด้วยหรือเปล่า?! ตั้งใจจะให้ผมเจ๊งหรือเปล่า?!
นี่เป็นเรื่องที่ผมต้องคิดให้มากจริงๆ ครับ ถ้าตอนนี้ผมจำได้ว่าตัวเองเคยคิดอะไรตอนตัดสินใจลงทุนในกองทุนเลเวอเรจ 3 เท่า ผมคงไม่ลงทุนแบบนั้นอีกแน่ๆ ครับ แต่เชื่อว่าหลายคนก็คงคิดแบบเดียวกันนี้ในช่วงเวลานี้ แต่ตอนนั้นผมคิดแบบนี้นะครับ
- ผมเป็นคนที่ไม่สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่หรือเล็กเลยครับ
(ซื้อปุ๊บราคาตก ขายปุ๊บราคาขึ้น มันวิทยาศาสตร์หรือเปล่าเนี่ย?! หรือว่าผมคนเดียวที่เป็นแบบนี้?!) - ถ้าคิดว่าตลาดขาขึ้นก็ลงทุนแบบเลเวอเรจ 3 เท่า แต่ถ้าตลาดเริ่มชะลอตัวก็ลงทุนแบบ 1 เท่า
หรือไม่ก็ถือเงินดอลลาร์ไว้ หรืออะไรก็ตามที่คิดว่าจะช่วยให้ได้กำไรสูงสุด แต่ผมทำไม่ได้เลยครับ
(พอผมซื้อหรือขายปุ๊บ ราคาหุ้นก็วิ่งสวนทางกับที่ผมคาดการณ์ไว้ตลอดเลย ไม่เคยถูกเลยสักครั้ง) - การจะไปตามเทรดเดอร์เก่งๆ หรือว่าจ้างให้เขาบริหารเงินให้ก็ทำไม่ได้ เพราะเงินลงทุนของผมไม่เยอะ
แล้วถ้ารวมค่าธรรมเนียมด้วยแล้ว ผมต้องทำกำไรให้ได้เยอะกว่าเดิมอีก
(ผมเลยคิดว่าตัวเองลงทุนเองและรับผิดชอบเองน่าจะดีกว่า ฮืออ)
พยายามมองตัวเองอย่างเป็นกลางแล้วนะครับ แต่ก็รู้สึกแย่กับตัวเองอยู่ดี ความคิดด้านลบมันเข้ามาครอบงำผมอยู่ตลอดเลย
ฉันคงทำไม่ได้หรอก ฮืออ
แต่เท่าที่ผ่านมาก็รู้สึกว่าการบันทึกความคิดและความรู้สึกในตอนนี้เป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ อยากชมตัวเองด้วยซ้ำ และก็มีอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจเหมือนกบตัวน้อยที่ชอบต่อต้าน
- ในเมื่ออะไรๆ ก็ไม่แน่นอนแบบนี้ ผมควรเลิกเล่นหุ้นไปเลยดีไหม?!
- ถ้าไม่ลงทุนแล้วจะรวยได้ไหม?! ในฐานะมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ คนหนึ่ง?!
ความคิดที่ว่าต้องรวยนั้นชัดเจนมากครับ แน่นอนว่ามีหนทางอื่นๆ ในการรวย และผมก็ตั้งใจว่าจะต้องทำธุรกิจแบบอัตโนมัติให้ได้ เช่นเดียวกับการลงทุน ผมก็ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการลงทุนด้วยครับ ดังนั้นผมจึงตั้งกฎเกณฑ์บางอย่างขึ้นมา (ถึงใครจะว่ายังไง ผมก็จะลงทุนในหุ้นต่อไป! เงินผม ผมจะเอาไปเล่นเอง! วู้ฮู! 🎵)
ลงทุนเฉพาะในวงเงินที่ยอมรับได้ แม้ว่าจะขาดทุนหมดก็ตาม
ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างกำไรได้มากที่สุดในบรรดาสินทรัพย์ที่ผมรู้จักในปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าจะอยากรวยเร็วๆ ด้วยวิธีการลงทุน แต่ก็ต้องพร้อมเผชิญกับกระบวนการนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี
ผมกำลังคิดว่าด้วยสถานะทางการเงินในปัจจุบันนี้ ผมควรลงทุนเท่าไหร่และลงทุนในอะไรดี และเนื่องจากผมให้ความสำคัญกับธุรกิจแบบอัตโนมัติมากกว่าการลงทุน จึงทำให้เวลาและการศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนของผมมีจำกัด ส่งผลให้ผมสามารถกำหนดเกณฑ์การลงทุนได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้ครับ
- ลงทุนเงินต้นในกองทุน ETF หุ้นสหรัฐฯ แบบเลเวอเรจ 3 เท่า (โอกาสสร้างผลตอบแทนสูงสุด ประหยัดค่าธรรมเนียม)
- ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบกริด (Grid Trading) เพื่อสร้างกำไรระยะสั้น (ซื้อขายระยะสั้น ทำกำไร ปรับปรุงกำไรแบบทบต้น)
สำหรับประสบการณ์และความคิดของผมเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายแบบกริดนั้น ผมได้เขียนสรุปเอาไว้ในโพสต์ด้านล่างแล้วนะครับ!! - ต้องเป็นระบบอัตโนมัติเพื่อไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการลงทุน (ประหยัดเวลา ปกป้องจิตใจ)
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือกรณีที่สมมติฐานของผมผิดพลาด
- หุ้นสหรัฐฯ ไม่ใช่สินทรัพย์ที่ดีที่สุดอีกต่อไป
- ปัญหาต่างๆ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ สงคราม วิกฤตวัตถุดิบ ฯลฯ ไม่ได้คลี่คลาย แต่กลับทวีความรุนแรงขึ้น
- หุ้นที่ลงทุนอยู่ถูกเพิกถอนจากการซื้อขาย ㅋㅋ (ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ นะครับ)
- โปรแกรมที่ตั้งค่าอัตโนมัติมีปัญหา ทำให้เสียเงินทั้งหมด (ขาดทุน ค่าธรรมเนียม ฯลฯ จนเงินต้นหายไป)
สมมติฐานของผมผิดพลาดไปแค่ไหนกันนะ?! ㅋㅋ เลยทำให้พอร์ตการลงทุนของผมเป็นแบบนี้ครับ คนส่วนใหญ่ที่เห็นพอร์ตการลงทุนของผมในตอนนี้คงพูดว่า
x3 ทำให้เห็นกำไรวันละ 30% ก็ได้นะ ดีจริง แต่ผลตอบแทนก็ดูแย่จริงๆ 555
เจ๊งแล้ว 100% เจ๊ง ㅋㅋ
เงินลงทุนหายไปเกินครึ่งแล้ว หายไปไหนเนี่ย
ถูกต้องครับ ถ้าขายทิ้งตอนนี้ก็เท่ากับเจ๊ง ㅋㅋ การลงทุนในปี 2565 นั้นบังคับให้ผม (โดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ) ถือหุ้นไว้นานกว่าที่คิด และถ้าถือหุ้นไว้นานๆ แล้วราคาขึ้นมา?! ก็ได้กำไรแค่ 1% แล้วก็ขายทิ้ง (หักค่าธรรมเนียมแล้วเหลือประมาณ 0.5% ㅋㅋ) แต่ผมไม่เก่งเรื่องการลงทุนอยู่แล้ว ก็เลยตั้งเป้าว่าจะใช้การลงทุนแบบอัตโนมัติ และสร้างแหล่งรายได้อื่นๆ เพิ่มเติมครับ
ผมคิดแบบนี้นะครับ แล้วทุกท่านคิดอย่างไรบ้างครับในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565? ยินดีรับฟังความคิดเห็นและคำปลอบใจจากทุกท่านนะครับ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ผมต้องการกำลังใจมากเป็นพิเศษ ㅋㅋ
ขอให้ช่วงปลายปีนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายสำหรับทุกท่าน รวมถึงตัวผมด้วยนะครับ 🙏
ความคิดเห็น0